-
เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2017 ที่ผ่านมา มีการแถลงข่าว ความร่วมมือ การใช้มาตรฐาน QR Code เพื่อการชำระเงิน หรือเป็นการเปิดตัว การชำระเงินผ่าน QR Code อย่างเป็นทางการนั่นเอง โดยเป็นการร่วมมือกัน ระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทย และ ผู้ให้บริการทางการเงินต่างๆ โดยปัจจุบัน เปิดให้ทดลองใช้ระบบ ภายในเขตอาคารสำนักงาน ของธนาคารต่าง และบริเวณย่านการค้า เช่น สยามสแควร์, ตลาดนัดจตุจักร และเมืองทองธานี เป็นต้นการชำระเงินผ่าน QR Code เป็นอีกหนึ่งช่องทาง ในการพัฒนา ให้ประเทศไทย เป็นสังคม ไร้เงินสด (Cashless Society) ตามนโยบาย Thailand 4.0 โดยเริ่มพัฒนา มาตั้งแต่บริการ E-wallet ของ เอกชน หลายราย และ บริการ PromptPay ที่เป็นการร่วมมือกัน ของธนาคาร ต่างๆ สามารถ โอน จ่าย ระหว่างธนาคารได้ โดยเสียค่าธรรมเนียม ไม่แพงก่อนหน้านี้ ธนาคารหลายแห่ง พยายาม สร้างจุดสนใจ ในการชำระเงิน ผ่าน QR Code ด้วยการช่วงชิง พื้นที่สื่อ และ โปรโมต ว่าตน เป็นผู้ให้บริการ รายแรกๆ แต่กลับประชาสัมพันธ์ ในระยะเวลา ใกล้กันเกินไป ทำให้โดนโจมตีว่า ‘ไม่เนียน’ แต่ทั้งนี้ ก็เป็นการแสดง ให้เห็นว่า การใช้จ่ายเงิน ผ่าน QR Code นั้น สะดวกสบาย จริงๆระบบชำระเงิน ด้วย QR Code นี้ ประเทศไทย เป็นประเทศแรกๆ ในเอเชีย ที่หันมาใช้ โดยมีจีน นำร่อง เป็นสังคม ไร้เงินสด ประเทศแรก ซึ่งในปี 2016 จีนเอง มีการใช้จ่าย ผ่าน Mobile Payment (รวมการใช้จ่าย ผ่านโทรศัพท์ เคลื่อนที่ ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น QR Code หรือ E-Wallet) ทั้งหมด 38 ล้านล้านหยวน หรือประมาณ 192 ล้านล้านบาท! โดยไม่ว่า จะร้านค้าใหญ่ ในห้างฯ หรือ ร้านค้าเล็กๆ ข้างถนน ก็หันมา รับเงิน ผ่าน QR Code แทบทั้งสิ้น หรือ แม้กระทั่ง ขอทานในจีน ก็ยังรับเงินบริจาค ผ่าน QR Code เช่นกันสำหรับภาพด้านบน เป็นภาพขอทาน ที่เมือง Jinan จังหวัด Shandog ที่มีป้ายเขียนว่า “ป่วยเป็นโรคทางสมอง” พร้อมรูป QR Code สำหรับคนใจดีบริจาคเงินโดยตรง เข้าธนาคารถึงแม้ การใช้จ่ายเงิน ผ่าน QR Code จะสะดวก มากขึ้น แต่พวกโจร หัวใส ก็มีวิธีขโมยเงิน ได้แยบยลขึ้น เช่นกัน เช่น การนำโค้ด ของตัวเอง ไปปิดทับโค้ด ของแม่ค้า ทำให้ลูกค้า อาจโอนเงิน ผิดบัญชีได้ ซึ่งต้องให้ แต่ละธนาคาร มีระบบตรวจสอบ และ ป้องกัน ให้ดีหรือมีอีกกรณี คือ แกล้งขอยืมเงิน แล้วอ้างว่า จะโอนคืน ทางออนไลน์ แต่กลับบอกว่า ระบบล่ม ไม่สามารถคืนเงินให้ได้ ก็มี ทั้งนี้ก็อยู่ที่ผู้ใช้งานด้วย ว่าจะระวังตัว จาก มิจฉาชีพ ได้แค่ไหน ซึ่งในจุดนี้ ธนาคาร และ ผู้ให้บริการ ก็มีหน้าที่ ให้ข้อมูล เพื่อผลประโยชน์ สูงสุด ของผู้ใช้บริการด้วยแหล่งที่มา : #spokedark.tv
